ติดเชื้อ HIV กี่ ปี ถึง จะ ออก อาการ ระยะเอชไอวีมีกี่ระยะ

ติดเชื้อ HIV กี่ ปี ถึง จะ ออก อาการ ระยะเอชไอวีมีกี่ระยะ แล้วแต่ละระยะเป็นอย่างไร เอชไอวีตรวจพบการติดเชื้อไว ยิ่งรักษาได้ง่ายและกลับมาปกติได้ไวขึ้น

อาการที่เกิดขึ้นเมื่อได้รับเชื้อเอชไอวี

ติดเชื้อ HIV กี่ ปี ถึง จะ ออก อาการ เรามาลองพิจารณาจากระยะการติดเชื้อเอชไอวีต่อไปนี้กัน ซึ่งสามารถแบ่งได้เป็น 3 ระยะ ดังนี้

– ระยะเริ่มแรกของการติดเชื้อ หรือ ระยะเฉียบพลัน จะเกิดขึ้นหลังรับเชื้อมาได้ประมาณ 2 สัปดาห์ และหายได้เองภายในหนึ่งเดือนหลังรับเชื้อ เป็นอาการที่คล้ายกับไข้หวัดใหญ่ อาจจะมีหรือไม่มีอาการนอกเหนือจากนี้ร่วมด้วย แต่ที่สำคัญอาการที่เกิดขึ้นสามารถหายไปได้เอง แม้ไม่ได้ทานยาตามอาการ อาการที่พบในระยะนี้ ได้แก่ มีไข้, เป็นไข้นาน, เหนื่อยตลอด, น้ำหนักลดไม่มีสาเหตุ, หนาวสั่น, ปวดเมื่อยตามร่างกายหรือกล้ามเนื้อ, เจ็บคอ, เหงื่อออกมากตอนกลางคืน, มีแผลในปาก, ต่อมน้ำเหลืองโต, ท้องเสีย และมีผื่นขึ้น

อาการที่เกิดขึ้นนี้เป็นการอาการแบบเฉียบพลัน ที่ระบบภูมิคุ้มกันพยายามตอบสนองต่อเชื้อHIVที่เข้ามาสู่ร่างกาย เนื่องด้วยเม็ดเลือดขาวCD4 ลดลงอย่างรวดเร็ว และร่างกายพยายามสร้างCD4 ขึ้นมาใหม่ให้มากขึ้น แต่อย่างไรก็ตาม ประสิทธิภาพของ CD4 ใหม่นี้ก็ไม่ได้ดีเท่าก่อนได้รับเชื้อ

– ระยะแฝง ระยะสงบ (Clinical Latency Stage) บางครั้งอาจจะเรียก ระยะติดเชื้อเรื้อรัง (Chronic HIV infection) แน่นอนว่า ร่างกายยังคงมีเชื้อไวรัสอยู่ แต่อาจจะมีอาการที่แสดงออกภายนอกหรือไม่ก็ได้ แต่โดยมากแล้วมักไม่มีอาการ เนื่องจากการเพิ่มจำนวนของไวรัสอยู่ในระดับต่ำ ทำให้ระบบภูมิคุ้มกันไม่ได้ถูกทำลายอย่างรุนแรง แต่เป็นการค่อย ๆ ทำลายไปเรื่อย ๆ การที่จะเข้าสู่ระยะเอดส์ หรือภาวะภูมิคุ้มกันบกพร่องจึงใช้เวลานานหลายปี บางรายเป็นสิบปีกว่าจะทราบว่าติดเชื้อเอชไอวี ขึ้นอยู่กับการดูแลสุขภาพของแต่ละบุคคล

– ระยะสุดท้าย ระยะโรคเอดส์ (AIDS) ภาวะภูมิคุ้มกันบกพร่อง เป็นการติดเชื้อเอชไอวีในระยะสุดท้าย ระยะที่ภูมิคุ้มกันในร่างกายถูกทำลายลงอย่างหนัก ปริมาณ CD4 ต่ำกว่า 200 cumm (จากปกติที่ควรจะมี 500-1600 cumm) ผู้ป่วยจะป่วยด้วยเชื้อฉวยโอกาส (คนภูมิคุ้มกันปกติเมื่อได้รับเชื้อพวกนี้ก็จะไม่ทำให้เกิดโรค)

เมื่อติดเชื้อฉวยโอกาส เช่น เชื้อรา ผด วัณโรค เป็นต้น ไม่ว่าเชื้อใดสักหนึ่งเชื้อ จะเรียกว่าเป็นเอดส์ ในระยะสุดท้ายนี้มีโอกาสที่จะได้รับเชื้อฉวยโอกาสหลาย ๆ เชื้อพร้อมกันได้ และเสี่ยงต่อการเสียชีวิต

การตรวจหาเชื้อเอชไอวี จึงสำคัญมาก หากคาดว่าเคยมีเพศสัมพันธ์แบบไม่ได้ป้องกันกับใครสักคน หรือมีพฤติกรรมเสี่ยงในการติดเชื้อHIV แนะนำว่าให้ “ตรวจเลือดหาการติดเชื้อเอชไอวี” เพราะเป็นหนทางที่จะทำให้ทราบได้ว่า ติดเชื้อหรือยัง