ตรวจ HIV หลังมีเพศสัมพันธ์ ต้องรอกี่วัน ? ควรตรวจ HIV เมื่อไหร่? เข้าใจช่วงเวลาที่ควรตรวจ (Window Period) ระหว่างรอตรวจในช่วงเวลาที่เหมาะสม ควรทำอย่างไรเพื่อไม่แพร่เชื้อ HIV และการใช้ PEP

การมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ป้องกัน โดยเฉพาะกับคู่นอนที่ไม่ทราบสถานะ HIV เป็นความเสี่ยงที่อาจนำไปสู่การติดเชื้อ HIV ได้ ดังนั้นการตรวจ HIV หลังมีความเสี่ยงเป็นสิ่งจำเป็น เพราะสามารถรู้สถานะของตนเองได้เร็ว และเข้าสู่กระบวนการรักษาได้ทันเวลา ซึ่งจะช่วยลดโอกาสในการแพร่เชื้อให้ผู้อื่นอีกด้วย

💡 การตรวจ HIV หลังเสี่ยงติดเชื้อไม่ควรละเลย เพราะการรู้เร็วคือการดูแลทั้งตัวเองและคนรอบข้าง

แต่ทั้งนี้การ ตรวจ HIV หลังมีเพศสัมพันธ์ ต้องรอกี่วัน และควรตรวจ HIV เมื่อไหร่ ในบทความนี้มีคำตอบ

หลังมีเพศสัมพันธ์แบบไม่ป้องกัน ต้องตรวจ HIV ไหม ?

“ใช่” — ควรตรวจ HIV หลังมีเพศสัมพันธ์แบบไม่ป้องกัน HIV สามารถแพร่เชื้อผ่านการมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ใช้ถุงยางอนามัย ทั้งทางช่องคลอด ทวารหนัก หรือแม้แต่ทางปาก หากมีบาดแผลหรือแผลเล็ก ๆ ที่ตามองไม่เห็น แม้ว่าคู่นอนจะดู “ปลอดภัย” แค่ไหนก็ตาม แต่ถ้าเราไม่รู้สถานะ HIV ของเขาอย่างแน่ชัด การตรวจคือสิ่งที่ดีที่สุดในการดูแลตัวเอง และยังเป็นการแสดงความรับผิดชอบต่อคนที่เรารักด้วย

แล้วควรตรวจเมื่อไหร่? ตรวจ HIV หลังมีเพศสัมพันธ์ ต้องรอกี่วัน ?

ไม่ต้องรีบตรวจทันทีในวันรุ่งขึ้น เพราะเชื้อยังไม่สามารถตรวจพบได้ ควรตรวจในช่วงเวลาที่เหมาะสมกับ “ระยะฟักตัว” ของเชื้อ ซึ่งเรียกว่า “ช่วง Window period โดยทั่วไปแนะนำให้:

– ตรวจเบื้องต้นหลังมีเพศสัมพันธ์ประมาณ 3 สัปดาห์ เพื่อดูว่ามีการติดเชื้อหรือไม่ในระยะเริ่มต้น

– ตรวจซ้ำอีกครั้งที่ 4-12 สัปดาห์ (ตามประเภทของชุดตรวจที่ใช้) เพื่อความแม่นยำสูงสุด

หากสงสัยว่าเพิ่งได้รับเชื้อ หรือมีความเสี่ยงสูง เช่น คู่นอนมีเชื้อ HIV หรือมีแผลเลือดออก แนะนำให้รีบไปพบแพทย์เพื่อพิจารณาการใช้ยาต้านฉุกเฉิน (PEP) ภายใน 72 ชั่วโมง

Window Period คืออะไร?

Window Period หรือ ช่วงหน้าต่าง คือช่วงเวลาหลังจากที่ได้รับเชื้อ HIV แต่ร่างกายยังไม่สามารถตรวจพบเชื้อได้ด้วยวิธีการตรวจบางแบบ เพราะระบบภูมิคุ้มกันยังไม่สร้างแอนติบอดี้หรือปริมาณไวรัสยังต่ำเกินไปที่จะตรวจเจอ ถ้าตรวจเร็วเกินไป อาจได้ผลลบลวง (false negative)

ประเภทชุดตรวจตรวจได้หลังเสี่ยงกี่วัน โดยประมาณ:

– Rapid Test เจาะเลือด    21-28 วัน

– ตรวจ PCR (NAT)          7-14 วัน

ระหว่างรอตรวจในช่วงเวลาที่เหมาะสม ควรทำอย่างไรเพื่อไม่แพร่เชื้อ HIV?

1. งดมีเพศสัมพันธ์ หรือใช้ถุงยางอนามัยทุกครั้ง

การใช้ถุงยางอนามัยอย่างถูกวิธีเป็นวิธีที่ง่ายและได้ผลดีที่สุดในการป้องกันการแพร่เชื้อ HIV และโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อื่น ๆ

2. หลีกเลี่ยงการใช้เข็มฉีดยาร่วมกับผู้อื่น

ไม่ใช้เข็มฉีดยาหรือของมีคมใด ๆ ร่วมกับผู้อื่น เพราะอาจเป็นทางแพร่เชื้อได้

3. บอกคู่นอนถึงความเสี่ยงและสถานะการตรวจของคุณ

การสื่อสารที่ชัดเจนกับคู่นอนช่วยให้ทั้งสองฝ่ายดูแลตัวเองและกันได้ดียิ่งขึ้น

4. งดการแบ่งปันของใช้ส่วนตัวที่อาจมีเลือดปนเปื้อน

เช่น มีดโกน หรือแปรงสีฟัน เพราะอาจมีโอกาสแพร่เชื้อได้

5. รีบไปพบแพทย์ถ้าคิดว่าได้รับความเสี่ยงสูง

โดยเฉพาะหากเพิ่งมีเพศสัมพันธ์ที่เสี่ยงภายใน 72 ชั่วโมง อาจต้องใช้ยา PEP เพื่อป้องกันการติดเชื้อ

การดูแลตัวเองในช่วงนี้ ไม่เพียงป้องกันเชื้อ HIV แต่ยังเป็นการแสดงความรับผิดชอบต่อคนรอบข้างด้วย

 

PEP คืออะไร? ยาที่ช่วยป้องกันหลังเสี่ยง

– PEP (Post-Exposure Prophylaxis) คือ ยาต้านไวรัสสำหรับผู้ที่เสี่ยงติดเชื้อ HIV

– ต้องเริ่มใช้ภายใน 72 ชั่วโมงหลังมีความเสี่ยง และกินต่อเนื่อง 28 วัน

– ติดต่อรับได้ที่โรงพยาบาล, คลินิกนิรนาม, หรือหน่วยบริการ PEP ใกล้บ้าน

ตรวจ HIV ครั้งแรกแล้วลบ ควรตรวจซ้ำไหม?

ควรตรวจซ้ำ ถ้าคุณตรวจภายในช่วง Window Period

เพราะถึงแม้ผลจะเป็นลบ แต่ก็อาจเป็น “ลบหลอก” (false negative) ได้ หากร่างกายยังไม่สร้างแอนติบอดีหรือมีปริมาณไวรัสไม่มากพอให้ตรวจเจอ

  • ควรตรวจซ้ำที่ 1-3 เดือน เพื่อยืนยันผลอีกครั้ง
  • สำหรับกลุ่มเสี่ยงสูง แนะนำตรวจ HIV ทุก 3-6 เดือน

 

ตัวอย่างเพื่อให้เข้าใจง่าย:

สมมติคุณมีเพศสัมพันธ์ที่เสี่ยงในวันที่ 1 มิถุนายน

ตรวจครั้งแรกวันที่ 14 มิถุนายน (2 สัปดาห์) → ผลลบ

แต่ยังอยู่ในช่วง Window Period

ดังนั้นควร ตรวจซ้ำอีกครั้งในช่วงปลายเดือนกรกฎาคม ถึง สิงหาคม เพื่อให้แน่ใจ

 

ตรวจเร็ว รู้เร็ว ป้องกันได้

หากคุณเพิ่งมีเพศสัมพันธ์ที่มีความเสี่ยง ไม่ว่าจะไม่ได้ป้องกัน หรือถุงยางรั่ว อย่ารอให้เกิดปัญหาตามมา การตรวจ HIV อย่างถูกช่วงเวลา คือสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้รู้สถานะของตัวเอง และลดโอกาสแพร่เชื้อไปยังผู้อื่นได้

อย่าลืมว่า HIV ไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด หากตรวจพบเร็ว การดูแลรักษาจะง่ายขึ้น และสามารถใช้ชีวิตได้อย่างปกติ ตรวจไม่เจ็บ ใช้เวลาไม่นาน และมีหลายทางเลือกให้เหมาะกับคุณ ทั้งการตรวจที่โรงพยาบาล คลินิกนิรนาม หรือแม้แต่ชุดตรวจ HIV ด้วยตนเองที่บ้าน

การเลือกใช้ ชุดตรวจเอชไอวีด้วยตนเองที่ได้รับการรับรองจาก อย. ก็เป็นทางเลือกที่ปลอดภัยและสะดวกมากในปัจจุบัน

หนึ่งในชุดตรวจที่ได้รับความนิยมสูงคือ อินสติ (INSTI) ชุดตรวจHIV ด้วยตนเอง

✅ ใช้งานง่าย รู้ผลใน 1 นาที

✅ ผ่านการรับรองจาก อย. ไทย

✅ ตรวจด้วยตัวเองได้ที่บ้าน ไม่ต้องเปิดเผยตัวตน

✅ แม่นยำกว่า 99%

✅ สามารถใช้ตรวจหลังได้รับความเสี่ยงมาแล้วกว่า 21 วัน

เพราะ “รู้เร็ว รักษาได้ ป้องกันได้” อย่ารอช้า หากคุณเสี่ยง ตรวจ HIV เพื่อดูแลตัวเอง และคนที่คุณรัก ตั้งแต่วันนี้

 

 


อินสติ

อินสติ มีจำหน่ายที่ร้านขายยาทั่วไป สามารถเข้าไปค้นหาร้านขายยาที่มีอินสติ ได้ที่ ร้านจำหน่าย INSTI 

หรือสั่งซื้อผ่านแอปพลิเคชัน Grab , LINE MAN , Foodpanda , Lalamove เข้าไปที่แอพแล้วเลือกร้าน Boots เสิร์จ คำว่า ชุดตรวจเอชไอวี หรือคำว่า อินสติ หรือ Insti

ผ่านอีกหนึ่งช่องทางคือสั่งซื้อผ่านทางผู้นำเข้าโดยตรง ได้ที่

Line OA: @insti

Facebook: อินสติ insti ชุดตรวจเอชไอวี

Shopee: INSTi_THAILANDHIVTEST

Lazada: INSTi_THAILANDHIVTEST

Tiktok: อินสติ INSTI หรือ Insti.thailand-v2

Line Shopping: insti

Website: thailandhivtest.com