โรคเอดส์ติดต่อได้อย่างไร อย่างที่ทราบกันเป็นอย่างดีว่า โรคเอดส์ (AIDS) นับเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่ถือว่ามีความร้ายแรงและน่ากลัวเป็นอย่างมาก เพราะในปัจจุบันนี้ยังไม่มีวิธีการไหน หรือยาตัวไหนที่สามารถรักษาโรคนี้ให้หายขาดได้ ทั้งยังในปัจจุบันมีผู้ป่วยที่ติดเชื้อเอดส์เพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ

 

อย่างไรก็ตาม โรคเอดส์เป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ซึ่งเป็นภาวะ ขั้นสุดท้าย ของการติดเชื้อเอชไอวี และในปัจจุบันนี้ ก็ยังมี คนจำนวน ไม่น้อยที่คิดว่าโรคนี้ สามารถติดต่อกัน ได้ง่าย จึงทำให้ผู้ป่วย และใครหลายคน ต้องกังวล อยู่ตลอดเวลา

 

แต่ในความเป็นจริงแล้วโรคเอดส์ จะติดต่อได้ก็ต่อ เมื่อเราสัมผัสกับ สารคัดหลั่งของผู้ป่วย หรือ ช่องทางอื่น ๆ

 

เพราะปกติแล้ว เชื้อไวรัส จะอาศัยอยู่ ตามสารคัดหลั่งของผู้ป่วย ซึ่งหากเราดันไป สัมผัสเข้า ก็สามารถเสี่ยง ต่อการติดเชื้อได้ แต่ไม่ได้ติดต่อกัน ง่ายขนาดนั้น

 

ดังนั้น ไปดูกันดีกว่า โรคเอดส์ติดต่อได้อย่างไร ซึ่งเชื่อว่าหลายคนยังคงตั้งข้อสงสัยให้กับโรคนี้กันอยู่ โดยสาเหตุหลัก ๆ ของการติดเชื้อเอชไอวี หรือเอดส์ จะสามารถแบ่งออกเป็น 3 ทางด้วยกัน คือ  

 

  • ติดต่อผ่านทางการมีเพศสัมพันธ์ โดยปกติแล้ว คนที่มี เพศสัมพันธ์ กับผู้ป่วย ก็ย่อมเป็นผู้ที่มี ความเสี่ยงสูง อยู่แล้ว เพราะเป็นช่องทาง ที่มี โอกาสสัมผัส กับสารคัดหลั่ง ได้ง่ายที่สุด

ยิ่งถ้าไม่สวมใส่ ถุงยางอนามัยขณะ มีเพศสัมพันธ์ ไม่ว่าจะเป็นทั้งชายกับชาย หญิงกับหญิง หรือชายกับหญิงก็ตาม จะเป็นช่องทางธรรมชาติ หรือไม่ธรรมชาติ ก็มีโอกาสเสี่ยง ต่อการติดเชื้อ ได้ทั้งนั้น

เพราะส่วนใหญ่แล้ว 80% ผู้ป่วยโรคเอดส์ จะรับเชื้อมาจากการมีเพศสัมพันธ์

 

  • ติดต่อผ่านทางเลือด โอกาส ในการติดเชื้อ ผ่านช่องทางนี้ จะมีด้วยกัน 2 ทางคือ การใช้ เข็มฉีดยาร่วม กับผู้ป่วย ส่วนใหญ่แล้ว มักพบในกลุ่มผู้ที่ ใช้สารเสพติด ชนิดฉีดยาเข้าเส้น

นอกจากนี้ ยังสามารถ ติดได้ผ่านทาง การรับเลือด มาจากการผ่าตัด เพื่อรักษาโรคบางชนิด แต่ปกติแล้วเลือด ที่ได้รับ การบริจาค มาจะทำการ ตรวจหาเชื้อเอดส์ จึงมั่นใจได้ว่ามีความปลอดภัยแน่นอน

 

  • ติดต่อผ่านทางแม่สู่ลูก การที่แม่ มีเชื้อเอดส์ อยู่ในร่างกายมี โอกาสสูงมาก ที่จะแพร่เชื้อ และ ถ่ายทอดเชื้อ ไปสู่ลูก ในขณะ การตั้งครรภ์ ขณะคลอด หรือแม้ แต่หลังการคลอด

แต่ปัจจุบันนี้ ทางการแพทย์ ได้พัฒนา ไปไกลจนได้ มีวิธีการ ป้องกัน การแพร่เชื้อ จากแม่สู่ลูก ด้วยการ ทานยาต้าน ในระหว่าง การตั้งครรภ์ ซึ่งจะสามารถ ลดความเสี่ยง ต่อการติดเชื้อ เพียงร้อยละ 8%

แต่ทั้งนี้ ก็ยังคงมี ความเสี่ยงอยู่ ดังนั้น วิธีการป้องกันที่ดีที่สุด ก็คือ การเข้ารับการตรวจเลือด ก่อนแต่งงาน หรือ ก่อนการตั้งครรภ์ เพื่อป้องกันการแพร่เชื้อ ไปสู่ลูกในครรภ์

 

อย่างไรก็ตาม หากใครที่รู้ตัวว่า ตนเองมีความเสี่ยง ต่อการติดเชื้อ เช่น การไปมีเพศสัมพันธ์ โดยไม่สวมใส่ ถุงยางอนามัย การเปลี่ยนคู่นอนบ่อย ๆ หรือการไปสัมผัส กับสารคัดหลั่งของผู้ป่วย

ควรเข้ารับ การตรวจ โดยเร็ว ซึ่งปัจจุบันนี้ สามารถ เข้ารับการ ตรวจHIV ได้ตาม โรงพยาบาลรัฐ เพราะสามารถ ทำการตรวจ ได้ฟรี ถึงปีละ 2 ครั้ง หรือ ตาม คลินิกนิรนาม และสามารถ เข้ารับ การตรวจ ที่โรงพยาบาล เอกชน

ซึ่งค่าใช้จ่าย ก็ขึ้นอยู่แต่ละโรงพยาบาล ด้วย แต่สำหรับใคร ที่ไม่สะดวกเดินทางไป ตรวจตาม สถานพยาบาล ปัจจุบันมี ชุดตรวจเอชไอวีด้วยตนเอง เพื่อเป็นทางออก กับผู้ที่มีความเสี่ยง

และต้องการความเป็นส่วนตัวในการตรวจ ได้ทำการตรวจคัดกรองด้วยตนเอง โดยชุดตรวจมีคามปลอดภัย แม่นยำ และได้มาตรฐาน รู้ผลได้ใน 15-20 นาที

ประชาชนทั่วไป สามารถหาซื้อมา ตรวจคัดกรองเบื้องต้นด้วยตนเอง ได้ ทั้งนี้ หากตรวจ ครั้งแรก ที่ระยะเวลาเสี่ยง ที่เหมาะสมกับ ชนิดของชุดตรวจแล้ว และผลตรวจ เป็นลบ แต่ยังไม่สบายใจ

ก็สามารถตรวจซ้ำ อีกครั้งได้ ที่ระยะเวลาเสี่ยง นานขึ้น เพราะวิธีนี้ เป็นวิธีตรวจคัดกรอง เบื้องต้น ซึ่งสามารถ ตรวจได้บ่อยเท่าที่ ต้องการ