ตรวจเอดส์ด้วยตัวเอง โรคเอดส์ (AIDS) เป็นภาวะป่วย ขั้นสุดท้าย ของการ ติดเชื้อไวรัสเอชไอวี ที่เข้า ไปทำลาย เซลล์เม็ดเลือดขาว ให้มี การทำงาน ที่บกพร่อง จนไม่สามารถ ต่อสู้ กับเชื้อ ที่เข้าไปสู่ร่างกายได้

จึงทำให้ ผู้ป่วยติดเชื้อ มีสภาพร่างกาย ที่อ่อนแอ และเกิด โรคแทรกซ้อนต่าง ๆ ได้ง่าย เช่น การติดเชื้อรา ทำให้ เกิดการ อักเสบ ในเนื้อเยื่อปาก ลิ้น หลอดอาหาร หรือช่องคลอด การติดเชื้อ แบคทีเรีย อันตราย เรื้อรัง ที่ทำร้ายอวัยวะ โดยเฉพาะ ระบบ ทางเดินหายใจ ปอด และด้วยสาเหตุนี้ จึงทำให้ ผู้ป่วยติดเชื้อ เอดส์ เสียชีวิตได้

วิธีการตรวจเอดส์จะแบ่งออกเป็น 3 วิธีการตรวจด้วยกัน คือ

– การตรวจแบบ Anti-HIV antibody จะเป็น การตรวจหา ภูมิต้านทาน ต่อเชื้อเอชไอวี จากการ ตรวจเลือด โดยแพทย์ จะวินิจฉัย การทำงาน ของระบบ ภูมิต้านทานภายในเซลล์ เม็ดเลือดขาว ที่มีการต้านทานต่อเชื้อ
วิธีการนี้ จะสามารถ ตรวจพบเชื้อ ได้ใน ระยะเวลาเพียง 3 สัปดาห์ ถึง 3 เดือนหลังการติดเชื้อ

– การตรวจแบบ NAT (Nucleic Acid Testing) เป็นการตรวจ หาสารพันธุกรรม ของเชื้อเอชไอวี ด้วยการ ตรวจปริมาณ ของเชื้อ และการทำงาน ของระบบ ภูมิคุ้มกันภายในร่างกาย
วิธีนี้ แพทย์จะใช้ในกรณี ที่ผู้ป่วยมีความเสี่ยงสูง เพราะเนื่องจาก เป็นวิธี ที่มีประสิทธิภาพ และรวดเร็ว จึงสามารถ ตรวจพบเชื้อ ได้ใน ระยะเวลาเพียง 1-4 สัปดาห์หลังการติดเชื้อ แต่วิธี การตรวจนี้ อาจมีค่า ใช้จ่าย ที่ค่อนข้างสูง

– การตรวจแบบ PCR (Polymerase Chain Reaction) วิธีการนี้ เป็นการตรวจหา สารพันธุกรรม ในระดับอณูชีวโมเลกุล

สามารถ ตรวจได้ ในเด็ก ทารก ที่มี ความเสี่ยง ต่อการ ได้รับ เชื้อ จากมารดา หลังคลอดตั้งแต่ 1 เดือน และตรวจกับผู้ใหญ่หลังได้รับความเสี่ยงมา 14 วันขึ้นไป

นอกจากนี้ การตรวจหาเชื้อเอชไอวี ยังสามารถ ทำได้อีก วิธี คือ การใช้ชุดตรวจเอชไอวีด้วยตนเอง ซึ่งในปัจจุบันทาง อย. ได้ทำการปลดล็อคให้วางจำหน่ายชุดตรวจเอชไอวี ด้วยตนเอง ตามร้าน ขายยา

ตรวจเอดส์ด้วยตัวเอง การมี ชุดตรวจ หาเชื้อเอชไอวี วางจำหน่าย ให้ประชาชน เข้าถึง ได้ง่าย ถือว่า เป็นเรื่องดี ที่ช่วย ให้ประชาชนนั้น ได้รู้ ทราบถึง สถานะ ร่างกายของตนเองได้เร็ว เพราะ หากรู้ผลเร็ว ก็จะได้ เข้ารับ การรักษาได้อย่างถูกต้อง

อย่างไรก็ตาม ปัจจุบัน ได้มีชุดตรวจ เอชไอวี ด้วยตนเอง ชนิด Rapid Test ที่ สามารถรู้ ผลตรวจ ได้ใน ระยะเวลาเพียง 15-20 นาที

วางจำหน่าย ตามร้านขายยา หรือตามอินเตอร์เน็ต หากผู้ ที่มีความเสี่ยง ต่อการได้ รับเชื้อเอชไอวี และใช้วิธีการตรวจแบบ Rapid Test จะต้องศึกษาวิธีการใช้งาน ข้อบ่งชี้ วิธีการเก็บรักษา ข้อควรระวัง และการสรุปผล

ทั้งนี้ หากผู้ที่กำลังมีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อเอชไอวี การเข้ารับการตรวจอาจจะเป็นช่องทางที่ช่วยให้คุณนั้นคลายความกังวลใจ เพราะหากตรวจพบเชื้อตั้งแต่เนิ่น ๆ ก็สามารถรักษาได้ทัน เชื้อเอชไอวีอาจจะยังไม่ลุกลามไปถึงระยะเอดส์

และหากผู้ที่มีความเสี่ยงแต่ไม่กล้าเดินทางไปตรวจตามโรงพยาบาล หรือคลินิก ปัจจุบันก็ได้มีชุดตรวจเอชไอวีด้วยตนเอง สามารถทำการตรวจได้ด้วยตนเอง ปลอดภัย แม่นยำ และได้มาตรฐาน สามารถรู้ผลตรวจได้ภายในเวลา 15-20 นาทีเท่านั้น

แต่การ ใช้ชุดตรวจเอชไอวีด้วยตนเอง เป็นเพียง การตรวจเพื่อ คัดกรองเบื้องต้นเท่านั้น หากผลตรวจ ที่ได้ออกมา เป็นบวก หรือลบ ก็ให้ทำการตรวจซ้ำ ในเวลาต่อมา ไม่ว่าจะเป็น 40, 45, 60, 90 วัน หลังได้รับความเสี่ยง ให้เลือกตรวจซ้ำ สักช่วงเวลาหนึ่งดังที่กล่าวมา เพื่อรีเช็ค ผลการตรวจในครั้งแรก ว่าตรงกันหรือไม่ แต่ถ้าหากตรวจแล้ว ผลเป็นบวก แนะนำ ไม่ต้องรอเวลา เพื่อตรวจซ้ำ แต่ให้เดินทาง ไปตรวจ ที่โรงพยาบาล ได้ทันที