ชุดตรวจ fourth generation โรคเอดส์ (AIDS) เป็นภาวะป่วย ในขั้นสุดท้าย ของการ ติดเชื้อเอชไอวี (HIV) โดยเชื้อนั้น จะเข้าไปทำลาย เซลล์เม็ดเลือดขาว และระบบภูมิคุ้มกัน ให้มีการทำงาน ที่บกพร่อง จนไม่สามารถ ต่อสู้หรือกำจัดเชื้อ ที่เข้าไปสู่ร่างกาย ได้ จึงทำให้ ผู้ที่ป่วยที่ติดเชื้อ สามารถเกิดโรคแทรกซ้อน ต่าง ๆ ได้ง่าย จนอาจนำ ไปสู่การเสีย ชีวิตลงได้

อย่างไรก็ตาม ในปัจจุบันนี้ ก็ยังไม่มีวิธีการใด ที่สามารถรักษาโรคเอดส์ ให้หายขาดได้ แต่มีเพียงยา ที่จะช่วยในการชะลอ การเจริญเติบโตของเชื้อได้ และช่วยลด อัตราความเสี่ยงต่อ การเสียชีวิตลงด้วยโรคเอดส์

หากรู้ตัวว่า ตนเองนั้นเป็นผู้ที่มีความเสี่ยง ต่อการติดเชื้อเอชไอวี ก็ควรที่จะ ทำการตรวจตั้งแต่เนิ่น ๆ และเข้ารับ การรักษา อย่างรวดเร็ว อาจจะช่วยให้ การติดเชื้อเอชไอวีนั้น ไม่ลุกลามไปถึงขั้นโรคเอดส์ได้

การตรวจหาเชื้อเอชไอวี และเอดส์ในสมัยปัจจุบันนี้ ทำได้ด้วยการเจาะเลือด โดยจะเป็นการตรวจเซลล์เม็ดเลือดขาว เพื่อดูความเสียหาย ที่เกิดขึ้นจากการ ได้รับเชื้อเอชไอวี ที่ได้เข้าไปทำลาย เซลล์เม็ดเลือดขาว

ดังนั้น หากตรวจหาการติดเชื้อเอชไอวี ด้วยวิธี third generation จะเป็นการตรวจหาแอนติบอดี ต่อเชื้อโดยเฉพาะ โดยจะเริ่มตรวจพบเชื้อ ได้ประมาณ 3 สัปดาห์ แต่หากตรวจด้วยวิธีการนี้ ถ้าจะให้ได้ผลที่แม่นยำ 100% จะอยู่ที่ 12 สัปดาห์

ดังนั้น หากตรวจหลังไปมีความเสี่ยงมาแล้ว 28 วัน ผลที่ออกมาอาจเป็นลบได้ ผลนี้จะมีความน่าเชื่อถือ เกือบร้อยเปอร์เซ็นต์

ในส่วนของ การตรวจหาเชื้อเอชไอวี ด้วยวิธีการ fourth generation การตรวจหาเชื้อ ด้วยวิธีการนี้ จะเป็นการตรวจหา ทั้งแอนติบอดีต่อเชื้อ และ แอนติเจนของเชื้อ โดยจะตรวจเจอเชื้อเอชไอวี ได้ตั้งแต่ 2 สัปดาห์ หลังจากที่ได้รับเชื้อมาแล้ว และตรวจเจอเชื้อได้เกือบ 100% อยู่ที่ 1 เดือน

ดังนั้น หากตรวจหลังไปมีความเสี่ยงมาแล้ว 64 วันแล้วผลออกมาเป็นลบ นั่นก็หมายความว่า ไม่มีการติดเชื้อนั่นเอง

อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ว่า ค่าระดับของแอนติเจนนั้น จะลดระดับลงประมาณ 40 วันหลังจากได้รับเชื้อมา แต่ระดับ ของแอนติบอดี ก็ยังคงมีระดับที่สูงขึ้น จนสามารถ ทำการตรวจพบ ได้ด้วยวิธีการตรวจแบบ fourth generation

อย่างไรก็ตาม หากคุณมีความเสี่ยงมากว่า 21 วัน แล้วก็สามารถ ตรวจได้ด้วยชุดตรวจหาแอนติบดี อย่างเดียวได้ แต่หากอยากตรวจไวขึ้น ก็สามารถใช้ชุดตรวจแอนติเจน และแอนติบอดี ในชุดตรวจเดียวกันได้ ปัจจุบัน ก็มีการตรวจคัดกรองแบบ NAT ที่สามารถตรวจได้ที่สภากาชาดไทย และโรงพยาบาลขนาดใหญ่ ของรัฐ ซึ่งเทคนิคนี้ สามารถตรวจภายใน 5-7 วันที่ได้รับความเสี่ยง

นอกจากนี้ หากผู้ที่มีความเสี่ยง ต่อการติดเชื้อเอชไอวี หรือเอดส์นั้น หากมีความกังวลใจ ก็ให้รีบทำการตรวจ เพื่อคลายความกังวลใจ ซึ่งปัจจุบันนี้ ได้มีชุดตรวจ ที่สามารถทำการตรวจ ได้ด้วยตนเอง ทำให้มีความสะดวกสบาย โดยไม่จำเป็น ที่จะต้องเดินทางไปตรวจตามสถานพยาบาล หรือตามคลินิก เพราะ ชุดตรวจเอชไอวีด้วยตนเอง สามารถตรวจได้เองที่บ้าน มีความปลอดภัย แม่นยำ และได้มาตรฐาน

ซึ่งชุดตรวจเอชไอวี ในสมัยปัจจุบันนี้ จะมีการใช้น้ำยา ในการตรวจด้วยกัน 2 แบบ คือ third generatio และ fourth generation วิธีการตรวจ จะมีความคล้ายคลึงกัน แต่การไปรับความเสี่ยงมาแล้ว ตรวจพบจะค่อนข้างแตกต่างกัน

ซึ่งหากผู้ที่ ต้องการตรวจแล้วรู้ผล ได้แบบรวดเร็ว วิธีการตรวจแบบ ชุดตรวจ fourth generation ถือว่าให้ผลตรวจ ที่แม่นยำและรวดเร็วได้เกือบ 100% หลังจาก ได้รับความเสี่ยง มาแล้วประมาณ 2 สัปดาห์

อย่างไรก็ตาม หากผู้ที่มีความเสี่ยง ก็ควรทำการตรวจตั้งแต่เนิ่น ๆ เพราะหากรู้ผลก็ จะได้เข้ารับการรักษา ได้อย่างถูกต้อง และเหมาะสม