วิธีสังเกต คนเป็นเอดส์ ต้องดูอย่างไรถึงจะทราบ อาการแสดงของโรคที่บ่งบอกว่าเป็นเอดส์ หรือติดเชื้อ HIV
วิธีสังเกต คนเป็นเอดส์ การติดเชื้อ HIV นั้น อาการที่แสดงออกมาย่อมขึ้นอยู่กับพื้นฐานสุขภาพร่างกายของแต่ละบุคคล บางคนมีอาการเล็ก ๆ น้อย ๆ เหมือนป่วยไข้ทั่วไป ซึ่งก็อาจจะป่วยด้วยโรคอื่นก็ได้ บางบุคคลอาจไม่มีอาการอะไรเลย แต่ทั้งนี้หากติดเชื้อเอชไอวีแล้วไม่มีการรักษา หรือทานยาต้านไวรัส ก็จะเข้าสู่ระยะสุดท้ายของโรค และมีอาการป่วยด้วยโรคแทรกซ้อนอย่างแน่นอน
ต้องบอกก่อนเลยว่า โรคเอดส์กับโรคเอชไอวีแตกต่างกัน ซึ่งโรคเอดส์ (AIDS) เป็นภาวะการณ์ป่วยในขั้นสุดท้ายของการติดเชื้อเอชไอวี หรือเรียกง่าย ๆ ว่าโรคเอดส์เป็นระยะสุดท้ายของการติดเชื้อเอชไอวี (HIV) นั่นเอง โดยปกติแล้วหากร่างกายของเราได้รับเชื้อเอชไอวีเข้าไปแล้ว เชื้อจะเข้าไปทำลายเซลล์เม็ดเลือดขาวจนเกิดการบกพร่อง รวมไปถึงระบบภูมิคุ้มกันด้วยเช่นกัน จึงส่งผลให้ร่างกายของ ผู้ป่วยHIV นั้นมีโอกาสเกิดโรคแทรกซ้อนต่าง ๆ ได้ง่าย จนนำไปสู่การเสียชีวิตลงในที่สุด
อย่างไรก็ตาม การป้องกันตนเองไม่ให้โรคเอชไอวีพัฒนาไปสู่ระยะเอดส์ อาจเป็นวิธีเดียวที่จะช่วยให้คุณนั้นหายจากโรคนี้ได้ เพราะผู้ป่วยเอชไอวี หากได้รับการรักษา และรับยาต้านอย่างเหมาะสม ส่วนใหญ่แล้วก็สามารถใช้ชีวิตได้เหมือนคนปกติทั่วไป
อาการทั่วไปหลังการติดเชื้อเอชไอวี จะแบ่งออกเป็น 3 ระยะ ด้วยกัน คือ
- ระยะเฉียบพลัน เป็นระยะแรกของการติดเชื้อ โดยร่างกายได้รับเชื้อมาแล้วประมาณ 2-4 สัปดาห์ ในระยะนี้เชื้อจะเพิ่มจำนวนมากขึ้นอย่างรวดเร็ว
จนส่งผลให้เซลล์ CD4 ลดลงอย่างรวดเร็วเช่นกัน ในระยะแรกของการติดเชื้อผู้ป่วยจะมีอาการคล้ายกับเป็นไข้หวัดใหญ่ เช่น มีไข้ เจ็บคอ
ปวดเมื่อยตามร่างกาย ปวดศีรษะ มีผื่นขึ้น เป็นต้น ในระยะเฉียบพลันเป็นระยะที่มีความเสี่ยงสูงมากที่ผู้ป่วยจะแพร่เชื้อไปยังบุคคลอื่น
- ระยะทางคลินิก ในระยะนี้จะไม่มีการแสดงอาการอะไรเลย อย่างมากก็อาจเหมือนระยะเฉียบพลัน แต่ก็เพียงเล็กน้อยเท่านั้น
และในระยะนี้เชื้อไวรัสจะค่อย ๆ เพิ่มจำนวนมากขึ้นเรื่อย ๆ และทำลายภูมิคุ้มกันในร่างกายจนบกพร่อง ผู้ป่วยที่อยู่ในระยะนี้อาจอยู่ได้นานถึง 10 ปี
- ระยะโรคเอดส์ เป็นระยะสุดท้ายของการติดเชื้อเอชไอวี ซึ่งระบบภูมิคุ้มกันร่างกายได้ถูกทำลายลงอย่างหนัก จนส่งผลให้ผู้ป่วย
มีร่างกายที่อ่อนแอ และอาจเกิดโรคแทรกซ้อนต่าง ๆ ได้ง่าย ในระยะเอดส์นี้ผู้ป่วยจะมีอาการปอดอักเสบ เหนื่อยง่าย
น้ำหนักลดลงอย่างรวดเร็ว ท้องเสียเรื้อรัง ผื่นขึ้น เหงือออกตอนกลางคืน ต่อมน้ำเหลืองโต หรือรักแร้และขาหนีบบวมโต
วิธีสังเกต คนเป็นเอดส์ โรคเอดส์จะมีอาการที่แสดงให้เห็นได้ชัด ซึ่งในแต่ระยะก็จะมีอการที่แตกต่างกันออกไป แต่ถ้าหากในระยะแรกของการติดเชื้อ อาการที่จะพบได้ คือ
– อาการไข้ และมีอาการหนาวสั่น
– ไอเรื้อรัง
– อ่อนแรง
– เมื่อยเนื้อ เมื่อยตัว
– วิงเวียนศีรษะ อาเจียนบ่อย
– น้ำหนักลดลงอย่างรวดเร็ว ท้องร่วงเรื้อรัง
– มีเหงื่อออกมากในตอนกลางคืน
– มีแผลบริเวณลิ้นและปาก หรือมีจุดสีขาว
– ต่อมน้ำเหลืองบวม
– มีการอักเสบของผิวหนัง มีผื่น
แต่ทั้งนี้อาการต่าง ๆ ที่กล่าวมา ก็อาจจะเป็นอาการป่วยของโรคอื่น ๆ ก็ได้ ไม่สามารถยืนยันได้ว่าป่วย เพราะติดเชื้อ HIV วิธีเดียวที่จะสามารถรู้ได้แน่นอน คือ การตรวจ HIV
อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันนี้ยังไม่มีวิธีการไหนที่สามารถรักษาโรคเอดส์ให้หายขาดได้ มีเพียงวิธีเดียว คือ ยาที่ช่วยในการชะลอการพัฒนาโรค ยับยั้งอาการ และลดอัตราเสี่ยงต่อการเสียชีวิตลงจากโรคเอดส์เท่านั้น
หากรู้ว่าตนเองมีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อ ก็ควรเข้ารับการตรวจเพื่อคลายความกังวลใจ ซึ่งปัจจุบันได้มี ชุดตรวจHIV ด้วยตนเอง เพื่อให้ประชาชนทั่วไปสามารถเข้าถึงได้ง่าย และได้ทำการ ตรวจคัดกรองHIV ด้วยตนเองเบื้องต้น ทั้งนี้ชุดตรวจเอชไอวีที่เลือกใช้ จะต้องมีความปลอดภัย (มีเลขอย.ไทย สามารถตรวจสอบได้) แม่นยำ และได้มาตรฐาน สามารถรู้ผลได้ใน 15-20 นาที หรือหากใครที่สะดวกจะเดินทางไปตรวจตามสถานพยาบาลเลยก็สามารถทำได้
เนื่องจากชุดตรวจเอชไอวีด้วยตนเอง จะใช้สำหรับตรวจเบื้องต้นด้วยตนเอง เหมาะกับผู้ที่ลังเลว่าตนเองได้รับความเสี่ยงมาจริงหรือไม่
หากเป็นผลบวก = เสี่ยงสูง หรือมีโอกาสได้รับความเสี่ยงจริง
หากเป็นผลลบ = ไม่มีความเสี่ยง หรือ ตรวจในช่วงเวลาที่ไม่เหมาะสม เช่น อาจจะตรวจระยะเวลาเสี่ยงที่เร็วเกินไป ไม่เหมาะสมกับชุดตรวจนั้น และหากยังไม่มั่นใจก็สามารถทำการตรวจซ้ำได้เรื่อย ๆ แต่หากตรวจที่ ระยะเวลาเสี่ยงที่เหมาะสม กับชุดตรวจแล้ว ผลที่ได้ก็จะแม่นยำถึง 99%