ตรวจ NAT
การ ตรวจ NAT หาเชื้อเอชไอวี หรือ เอดส์ เป็นการตรวจ เพื่อให้เรา ได้รู้ถึงสถานะร่างกาย ของตนเอง เอดส์ กับ เอชไอวีไม่เหมือนกัน เอดส์ เป็นโรค ที่มีสาเหตุ มาจากการติดเชื้อ เอชไอวี ในระยะสุดท้าย ซึ่งระบบภูมิคุ้มกัน ภายในร่างกาย ได้ถูกทำลายลง อย่างหนัก จนไม่สามารถ ต่อสู้กับเชื้อ ที่เข้าสู่ร่างกายได้ และอาจส่งผล ให้ผู้ที่ติดเชื้อ เสี่ยงต่อการติดเชื้อ ฉวยโอกาสได้ง่าย

อย่างไรก็ตาม วิธีการที่จะหลีกเลี่ยง และช่วยลด การก่อให้เกิด โรคนั้นได้ คือ สวมใส่ ถุงยางอนามัย ทุกครั้ง เมื่อต้องการมีเพศสัมพันธ์ และอีกวิธีหนึ่ง คือ หากได้รับความเสี่ยงมา ก็ควรทำการตรวจ ตั้งแต่เนิ่น ๆ เพราะอาจจะช่วยลด ภาวะเสี่ยงต่อการติดเชื้อได้ และยังลด การแพร่เชื้อ ไปสู่ผู้อื่นได้อีกด้วย

โดยการ ตรวจหาเชื้อเอชไอวี หรือเอดส์นั้น จะมีหลักการ ตรวจหลายวิธีการ ที่แตกต่างกันออกไป แต่ละวิธี ก็ขึ้นอยู่กับว่า คุณไปมีความเสี่ยง มานานแค่ไหน

การตรวจบางวิธี อาจจะต้องรอ ในระยะเวลาที่พอเหมาะ จึงจะสามารถ ตรวจพบเชื้อได้ เพราะอาจจะอยู่ ในช่วงระยะฟักตัวของเชื้อ ซึ่งในปัจจุบัน มีวิธีการตรวจ หาเชื้อ ที่สามารถ ทำการตรวจ แล้วสามารถรู้ผลได้เร็ว กว่าวิธีการเดิม โดยที่ไม่จำเป็นต้องรอ เป็นระยะเวลานาน นั่นก็คือ การตรวจด้วย NAT นั่นเอง

การ ตรวจ NAT (แนท) คืออะไร NAT จะเป็นการตรวจ สำหรับผู้ที่ ไปได้รับความเสี่ยง ในการติดเชื้อมา หรือผู้ที่ มีความกังวลใจ หลังจากไปเสี่ยงมา ได้ไม่นาน ซึ่งการตรวจด้วยวิธีการนี้ ถือว่ามีความรวดเร็ว แม่นยำ และปลอดภัย เป็นอย่างมาก

การตรวจด้วยวิธีนี้ ไม่มีความจำเป็น ที่จะต้องรอให้ มีระยะเวลาถึง 1 เดือน เหมือนที่ผ่านๆ มา เพราะส่วนใหญ่แล้ว ผู้ที่ได้รับความเสี่ยงมา ก็จะตรวจพบ ด้วยการตรวจ NAT อยู่ที่ประมาณ 1 สัปดาห์เท่านั้น

อย่างไรก็ตาม การตรวจด้วย NAT ก็ถือว่ามีความรวดเร็วทันใจ กว่าวิธีการตรวจแบบ วิธีการเดิม คือ การ ตรวจแบบ Anti-HIV ซึ่งวิธีการนี้ จะต้องรอให้ร่างกาย สร้างภูมิคุ้นเคย ต่อเชื้อ จึงจะสามารถตรวจพบเชื้อได้

ดังนั้น การตรวจใน รูปแบบ NAT จึงได้รับความนิยม ในกลุ่มเสี่ยงบางกลุ่ม เท่านั้น เพราะวิธีการนี้ เป็นการตรวจหาเชื้อเอชไอวี โดยตรง โดยที่เราไม่จำเป็น ต้องรอหลังจากที่ได้รับความเสี่ยงมาอีกต่อไป

วิธีการ ตรวจหาเชื้อเอชไอวี ที่ผ่าน ๆ มา จะเป็นการตรวจ หาการสร้างภูมิคุ้มกัน ที่มีต่อเชื้อภายในร่างกาย ซึ่งปัญหาของ การตรวจด้วยวิธี Anti-HIV นั้นก็คือ ร่างกายของเรา จะต้องรอ เป็นระยะเวลาหนึ่ง เพื่อ ทำการตรวจหาเชื้อไวรัส แล้วจึงจะสร้างภูมิคุ้มกันเพื่อทำการต่อสู้กับเชื้อในช่วงเวลาที่เราได้รับเชื้อมา และในช่วงเวลาที่ร่างกายสร้างภูมิคุ้มกันนี้เราจะเรียกกันว่า ระยะฟักตัว (window period)

เพราะเนื่องด้วย สาเหตุนี้เอง การตรวจด้วย NAT จึงเป็นการตรวจที่สามารถช่วยย่นระยะฟักตัว ให้สามารถรู้ผลได้อย่างรวดเร็ว กว่าการตรวจวิธีอื่น ๆ ทั่วไป การตรวจแบบ NAT นอกจากจะให้ผลที่แม่นยำแล้วยังสามารถรู้ผลตรวจได้อย่างรวดเร็วกว่า การตรวจแบบแอนติบอดี ที่ต้องรอระยะเวลาหลังจากที่ไปเสี่ยงมาประมาณ 2-12 สัปดาห์อีกด้วย

อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าจะตรวจด้วยวิธีการใด หากไปมีความเสี่ยงมาก็ควรที่จะทำการตรวจ เพราะหากรู้ผลตั้งแต่เนิ่น ๆ ก็จะได้เข้ารับการรักษาได้อย่างถูกต้อง และเหมาะสม เพื่อลดการแพร่เชื้อไปสู่ผู้อื่น แต่หากใครที่ไม่กล้าเดินทางไปตรวจตามสถานพยาบาล ก็ควรหาซื้อชุดตรวจด้วยตนเองที่มีความปลอดภัย แม่นยำ และได้มาตรฐาน มาทำการตรวจคัดกรองเบื้องต้น เพราะหากยืดเยื้อไม่ทำการตรวจ เชื้อเอชไอวีอาจลุกลามไปถึงขั้นภาวะเอดส์ได้