ตรวจเอดส์ รู้ผลทันที pantip แนะนำการตรวจHIV ที่พบในปัจจุบันนี้ ที่สามารถรู้ผลได้ไว

การตรวจเอชไอวีในปัจจุบันนี้นิยมใช้เป็นการตรวจคัดกรอง หากผลเป็นบวก จึงทำการตรวจยืนยันอีกครั้ง โดยการตรวจคัดกรองนี้ จะมี 3 วิธี หลัก ๆ  คือ

  1. แบบ Anti-HIV Test ตรวจได้เมื่อได้รับความเสี่ยงมาแล้วประมาณ 3-4 สัปดาห์
  2. แบบ ตรวจ NAT ตรวจได้เมื่อรับความเสี่ยงมาแล้วประมาณ 7 วัน และรอผลตรวจประมาณ 5-7 วัน
  3. แบบ Rapid HIV Test สามารถรู้ผลได้ภายใน 15-20 นาที การตรวจด้วยวิธีนี้ ปัจจุบันจะมี 2 รูปแบบ คือ

– ตรวจ Rapid Test แบบ Anti-HIV การตรวจด้วยวิธีนี้ควรได้รับความเสี่ยงมาแล้วอย่างน้อย 3-4 สัปดาห์

– ตรวจ Rapid Test แบบ Fourth generation หรือที่เรียกว่า ชุดตรวจHIV Gen4 เป็นการตรวจ Anti-HIV และ HIV p24 antigen ในคราวเดียวกัน การตรวจด้วยวิธีนี้ควรได้รับความเสี่ยงมาแล้วอย่างน้อย 14 วัน

และนี่คือการ ตรวจเอดส์ รู้ผลทันที pantip แนะนำไว้ โดยยังบอกอีกว่าอย่างไรก็ตามควรไปตรวจ เพื่อความสบายใจ และความปลอดภัยของตนเอง

 

โรคเอดส์ (AIDS) เป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ที่มีสาเหตุมาจากการติดเชื้อเอชไอวี (HIV) และนับเป็นโรคติดต่อที่ร้ายแรงโรคหนึ่ง

เพราะสามารถทำให้ผู้ป่วยเสียชีวิตลงได้ เนื่องจากว่าโรคเอดส์ เป็นระยะสุดท้ายของการติดเชื้อเอชไอวี โดยเชื้อเอชไอวีที่เข้าสู่ร่างกายแล้ว

จะส่งผลให้เซลล์เม็ดเลือดขาว หรือระบบภูมิคุ้มกันร่างกายนั้นทำงานบกพร่องจนไม่สามารถต้านทานต่อเชื้อโรคอื่น ๆ ที่เข้าไปสู่ร่างกายได้

และส่งผลให้ผู้ป่วยมีอาการเจ็บป่วยได้ง่าย ซึ่งอาจนำไปสู่การเสียชีวิตลงได้นั่นเอง และปัจจุบันนี้ยังไม่มีวิธีการไหน

ที่สามารถช่วยรักษาโรคเอดส์ให้หายขาดได้ มีเพียงแต่ยาที่ช่วยในการชะลอการพัฒนาโรค และลดอัตราการเสียชีวิตลงด้วยโรคเอดส์ก็เท่านั้น

หากผู้ป่วยที่รู้ตัวเร็วว่าติดเชื้อ ควรเข้ารับการรักษาตั้งแต่ระยะเริ่มแรกก็อาจช่วยป้องกันการติดเชื้อเอชไอวี ไม่ให้เชื้อลุกลามไปสู่ระยะเอดส์ได้

 

ปัจจุบันนี้ การติดเชื้อเอชไอวี จะมีทั้งหมด 3 ระยะด้วยกัน และในแต่ระยะก็จะมีอาการที่แตกต่างกันออกไป คือ

– ระยะเฉียบพลัน ในระยะนี้ จะเป็นระยะแรกของการติดเชื้อเอชไอวีเป็นระยะที่เกิดขึ้นช่วง 2-4 สัปดาห์ หลังการติดเชื้อ

ซึ่งผู้ป่วยในระยะนี้จะมีปริมาณเชื้อในเลือดนั้นเยอะมาก ๆ และเชื้อก็จะทำการแพร่กระจายไปสู่ผู้อื่นได้ง่าย เนื่องจากเป็นระยะที่ไม่แสดงอาการ

ทำให้หลายคนคิดว่าตนเองไม่ติดเชื้อ ในช่วงแรกของผู้ป่วยจะมีอาการคล้าย ๆ กับเป็นไข้หวัดใหญ่ มีไข้ เจ็บคอ หนาวสั่น ปวดเมื่อยตามร่างกาย

มีผื่นขึ้นตามร่างกาย หรือต่อมน้ำเหลืองโต เป็นต้น

 – ระยะอาการสงบ เป็นระยะที่ไม่แสดงอาการใด ๆ ให้เห็นเหมือนกับระยะแรก แต่เชื้อก็จะยังคงอยู่ภายในร่างกาย และเพิ่มปริมาณมากขึ้นเรื่อย ๆ

ทำให้ผู้ป่วยสามารถแพร่เชื้อไปสู่ผู้อื่นได้ง่าย เนื่องจากเป็นระยะที่อาการสงบ ซึ่งผู้ป่วยอาจอยู่ได้นานถึง 10 ปี และก็ขึ้นอยู่กับภูมิคุ้มกันของแต่ละคนด้วย

เพราะผู้ป่วยบางรายก็อาจได้รับยาต้านไวรัสอย่างสม่ำเสมอเพื่อลดโอกาสเสี่ยงต่อการแพร่เชื้อไปสู่ผู้อื่น

  – ระยะเอดส์ ในระยะนี้จะเป็นระยะสุดท้ายของการติดเชื้อเอชไอวี และเป็นระยะที่มีความรุนแรงเป็นอย่างมาก ซึ่งเป็นระยะที่ภูมิคุ้มกันร่างกายได้

ถูกทำลายลงอย่างหนัก หากไม่ได้รับการรักษาอย่างต่อเนื่องอาจส่งผลให้เชื้อเอชไอวีเพิ่มจำนวนมากขึ้นเรื่อย ๆ และเพิ่มโอกาสเสี่ยง

ต่อการเกิดโรคฉวยโอกาสได้ง่าย อาทิเช่น วัณโรค โรคปอด โรคเกี่ยวกับระบบประสาท โรคสมอง หรือถึงขั้นอาจเสียชีวิตลงได้

 

นอกจากนี้ สำหรับใครที่มีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อ สามารถเข้ารับการตรวจหาเชื้อได้ตามโรงพยาบาลรัฐ โรงพยาบาลเอกชน หรือคลินิกต่าง ๆ ได้

โดยหากเข้ารับการตรวจกับทางโรงพยาบาลรัฐ จะสามารถ ตรวจเอดส์ได้ฟรี ถึงปีละ 2 ครั้ง เพียงแค่มีบัตรประชาชน

แต่หากใครที่สะดวกเดินทางไปตรวจกับทางโรงพยาบาลเอกชน หรือคลินิกเอกชน ก็อาจมีค่าใช้จ่าย ซึ่งจะถูกหรือแพงก็ขึ้นอยู่กับแต่ละสถานพยาบาล

 

อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันนี้ ตรวจเอดส์ รู้ผลทันที ประชาชนทั่วไปสามารถหาซื้อชุดตรวจเอชไอวีด้วยตนเอง มาทำการตรวจคัดกรองเบื้องต้นได้ด้วยตนเอง

โดย ชุดตรวจเอชไอวีด้วยตนเอง จะมีความปลอดภัย แม่นยำ และได้มาตรฐาน สามารถรู้ผลได้ในระยะเวลาเพียง 15-20 นาที

ซึ่งถือว่า เป็นนวัตกรรม ใหม่ ที่สามารถ เป็นตัวเลือก ให้กับ ผู้ที่ มีความเสี่ยง ได้ทำการ ตรวจคัดกรอง เบื้องต้น ด้วยตนเอง ในทันที

แต่วิธีการนี้ ก็เป็น เพียง การตรวจ คัดกรอง เบื้องต้น เท่านั้น หากตรวจด้วย ชุดตรวจHIV แล้วผลตรวจ ออกมา เป็นบวก หรือเป็นลบ ก็ตาม และยังคง ไม่มั่นใจ

แนะนำ ให้ทำการ ตรวจซ้ำอีกครั้ง เพื่อช่วย ยืนยันผล ตรวจที่แน่ชัด เพราะหาก ตรวจเจอ เชื้อจริง ๆ ก็จะได้ เข้ารับ การรักษา ได้อย่างถูกต้อง

และเหมาะสม เพื่อไม่ให้ เชื้อเอชไอวี พัฒนาไป สู่ระยะเอดส์ ได้