ตรวจเอดส์ รู้ผลทันที การตรวจหา การติดเชื้อเอชไอวี หรือเอดส์ แต่ละแบบ ในปัจจุบันนั้น จะมีความแตกต่างกันออกไป ซึ่งหากคุณ ติดเชื้อเอชไอวี ระบบภูมิคุ้มกัน ภายในร่างกาย จะสร้างภูมิคุ้มกันขึ้นมา เพื่อต่อสู้กับเชื้อไวรัส ที่เข้าไปสู่ร่างกาย ซึ่งการตรวจเอชไอวี จะใช้หลัก ในการตรวจหาภูมิคุ้มกันนี้ในเลือด ในทางปฏิบัติ หากมีภาวะเสี่ยงแล้ว สามารถตรวจได้ไวที่สุด คือ 21 วัน และควรทำการตรวจซ้ำอีก 3 เดือน หลังจากที่ได้มีการตรวจในครั้งแรกไปแล้ว

ขออธิบายก่อนว่า ระยะฟักตัว คือ อะไร ระยะฟักตัว คือ ช่วงเวลาที่ร่างกาย ยังไม่ได้สร้างภูมิคุ้มกัน ที่เฉพาะเจาะจง กับเชื้อไวรัสขึ้นมา หรือมีแล้ว แต่ยังคงน้อยเกินกว่า ที่จะสามารถตรวจพบได้ ทางการแพทย์จะเรียกว่า ระยะ Window Period

แต่ไม่ต้องตกใจค่ะ เพราะในปัจจุบันนี้ การตรวจเอชไอวี ได้พัฒนาให้มีความแม่นยำมากขึ้น มีคุณภาพมากขึ้น ขีดความสามารถในการตรวจจับก็มีคุณภาพมากขึ้น ทั้งนี้ในทางปฏิบัติ หากครั้งแรกตรวจไม่พบเชื้อเอชไอวี ทางการแพทย์ ก็จะให้ตรวจย้ำอีกครั้งเสมอ ในระยะเวลาต่างๆ เพื่อตรวจติดตามผล และเป็นประโยชน์ต่อผู้มีความเสี่ยงด้วย

การตรวจเอชไอวี จะสามารถแบ่งออกเป็น 3 วิธีหลัก ๆ ทั้งนี้ในระยะฟักตัวของการตรวจในแต่ละวิธีอาจไม่เท่ากัน คือ

1. การตรวจแบบ Anti-HIV จะเป็นการตรวจในรูปแบบที่สามารถให้ผลได้ใน 1-2 ชั่วโมงหลังการตรวจ ซึ่งผลที่ได้ จะเป็นผลที่ย้อนหลังไปประมาณ 1 เดือน

ยกตัวอย่าง หากคุณไปมีความเสี่ยงที่จะติดเชื้อมาเมื่อคืน แล้วไปตรวจในรูปแบบ Anti-HIV ผลตรวจที่ได้ จะไม่ได้ยืนยันว่า การมีเพศสัมพันธ์ ที่ไม่ได้ป้องกัน เมื่อคืนของคุณนั้น มีความปลอดภัย ถึงแม้ว่าผลเลือดจะออกมาเป็นลบก็ตาม (Negative = ไม่พบเชื้อเอชไอวี) โดยทั่วไป แพทย์จะอธิบายได้ว่า เชื้อจะอยู่ในช่วงระยะฟักตัว และจะยังตรวจไม่พบด้วย วิธีการตรวจแบบ Anti-HIV

2. การตรวจแบบ NAT (Nucleic Acid Testing) การตรวจในรูปแบบนี้ จะมีข้อแตกต่าง จากการตรวจแบบ Anti-HIV คือจะสามารถชี้วัดผล จากร่างกายย้อนหลังไปประมาณ 1-2 สัปดาห์หลังจากที่ได้รับความเสี่ยง เช่น  การไปมีเพศสัมพันธ์ โดยไม่ได้ป้องกันมาเมื่อ 7 วันก่อน แล้ววิตกกังวลว่าอาจได้รับความเสี่ยง จากการติดเชื้อเอชไอวี ซึ่งการตรวจในรูปแบบ NAT จะทราบผลเลือดว่าเป็นบวก หรือเป็นลบได้แน่ชัด กว่าการตรวจแบบ Anti-HIV

3. การตรวจในรูปแบบ Rapid HIV Test เป็นการตรวจเอชไอวี ชนิดเร็ว ซึ่งในปัจจุบันจะใช้เวลาในการรอผลเพียง 20 นาทีเท่านั้น ถึงแม้ว่า จะได้ผลตรวจที่เร็วกว่าวิธีอื่น ๆ แต่ก็เป็นเพียงการตรวจ เพื่อคัดกรองเบื้องต้นเท่านั้น ข้อดี คือ สามารถตรวจได้ไว รู้ผลภายในไม่กี่นาที แต่ข้อเสีย คือ หากว่าการตรวจแบบ Rapid HIV Test ให้ผลเป็นบวก (พบเชื้อ HIV) ผู้ป่วยจะต้องเข้ารับการตรวจซ้ำอีกครั้ง เพื่อยืนยันว่า ติดเชื้อจริง ๆ ด้วยวิธีการตรวจด้วยขั้นตอน Anti-HIV หรือ NAT แล้วแต่ระยะเวลา ที่ได้รับเชื้อมา

อย่างไรก็ตาม หากผู้ที่มีความเสี่ยง จะเข้ารับการตรวจ นอกจากความพร้อมทั้งทางด้านร่ายกาย และจิตใจแล้วนั้น บุคคลรอบข้างก็เป็นสิ่งสำคัญ เพราะไม่ว่าจะตรวจง่ายแค่ไหน แต่ถ้าทัศนคติที่มีต่อบุคคลเหล่านั้น ยังไม่เปลี่ยนไป ยังคงมองด้วยสายตา รังเกียจ ก็คงไม่มีใคร อยากเข้ารับการตรวจ ดังนั้น เราควรที่จะให้กำลังใจแก่พวกเขา เพื่อให้เขาต่อสู้กับโรคร้ายนี้ไปให้ได้

“ท่านใดที่มีความกังวลใจ และต้องการที่จะลองตรวจสักครั้ง เรายินดีให้บริการ คลิ๊ก เลย ไม่ต้องกังวลเรื่องความปลอดภัย การรักษาความลับของลูกค้า คือ สิ่งที่เรายึดถือมากที่สุด มั่นใจ ปลอดภัย มีมาตรฐาน ให้บริการมากว่า 7 ปี”

นอกจากนี้หากใครที่ไม่กล้าที่จะตรวจตามโรงพยาบาลหรือคลินิก ก็แนะนำให้หาซื้อชุดตรวจที่สามารถตรวจได้ด้วยตนเอง ตรวจเอดส์ รู้ผลทันที เช่น ชุดตรวจคัดกรองเบื้อต้นด้วยตนเอง ปลอดภัยแม่นยำ มาตรฐานเดียวกันกับโรงพยาบาล สามารถตรวจได้เองที่บ้าน โดยที่ไม่ต้องเดินทางไปตรวจตามสถานพยาบาลต่าง ๆ หากตรวจพบเชื้อตั้งแต่เนิ่น ๆ ก็จะได้เข้ารับการรักษาและรับยาต้านได้อย่างถูกต้อง และเหมาะสม ทั้งนี้ก็ควรหมั่นดูแลสุขภาพร่างกายให้แข็งแรง รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ควบคู่ไปด้วย

 

 

หากอยากมั่นใจในทุกครั้งที่ตรวจ โปรดซื้อชุดตรวจเอชไอวีกับร้านที่น่าเชื่อถือและมีมาตรฐานรับรอง

สนใจสอบถาม-สั่งซื้อสินค้า Click เพื่อ Add LINE สอบถามได้เลยค่ะ